
ติดฟิล์มรถ EV ควรพิจารณาอะไรบ้าง?

เมื่อเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า EV กำลังมาแรง เจ้าของรถ EV หลายท่านคงเริ่มมองหาการ ติดฟิล์มรถ เพื่อเพิ่มความสบาย ปกป้องห้องโดยสาร และเสริมความสวยงามให้กับรถคู่ใจ แต่รู้หรือไม่ว่า การ ติดฟิล์มรถ EV นั้น มีข้อควรพิจารณาพิเศษที่แตกต่างจากรถยนต์สันดาปทั่วไปอยู่บ้าง เพื่อให้คุณได้ฟิล์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถ EV ของคุณ บทความนี้จะเจาะลึกทุกประเด็นที่คุณควรรู้
ทำไมรถ EV ถึงควรติดฟิล์ม?
แม้รถ EV จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ก็ยังคงเผชิญปัญหาจากสภาพอากาศร้อนจัดของประเทศไทย รวมถึงแสงแดดและรังสี UV เช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป การ ติดฟิล์มรถ EV จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งด้วยเหตุผลดังนี้
- ลดความร้อนในห้องโดยสาร: รถ EV โดยเฉพาะรุ่นที่มีหลังคากระจกพาโนรามา จะมีปริมาณแสงและความร้อนเข้าสู่ห้องโดยสารสูงมาก การ ติดฟิล์มรถ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกันความร้อน จะช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ ทำให้แอร์เย็นเร็วขึ้นและทำงานน้อยลง
- ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่: เมื่อระบบปรับอากาศทำงานน้อยลงจากการลดความร้อนด้วยฟิล์ม ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ก็จะดีขึ้น ส่งผลให้รถ EV ของคุณวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- ปกป้องรังสี UV: ฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงสามารถบล็อกรังสี UVA และ UVB ได้เกือบ 100% ซึ่งช่วยปกป้องผิวหนังและดวงตาของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงรักษาอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารไม่ให้ซีดจางหรือเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
- เพิ่มความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย: ฟิล์มที่เลือกความเข้มได้ตามต้องการจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และยังช่วยยึดเกาะเศษกระจกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เศษกระจกไม่แตกกระจาย ช่วยลดอันตราย
ข้อควรพิจารณาพิเศษเมื่อติดฟิล์มรถ EV

การ ติดฟิล์มรถ EV ไม่ได้แตกต่างจากการติดฟิล์มรถปกติมากนักในแง่ของกระบวนการ แต่มีเทคโนโลยีและจุดเน้นที่แตกต่างออกไป ดังนี้
1. การเลือกประเภทฟิล์มที่ "ไม่รบกวนสัญญาณ"
รถ EV พึ่งพาสัญญาณไร้สายและระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นอย่างมาก เช่น GPS, สัญญาณมือถือ, สัญญาณ Easy Pass, สัญญาณ Bluetooth, สัญญาณ 5G หรือแม้กระทั่งระบบ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) และระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ฟิล์มกรองแสงบางประเภท โดยเฉพาะฟิล์มปรอทหรือฟิล์มโลหะ อาจมีคุณสมบัติที่ "สะท้อนสัญญาณ" ทำให้เกิดปัญหาสัญญาณอ่อน หรือสัญญาณหายได้
คำแนะนำ: ควรเลือก ฟิล์มเซรามิก (Ceramic Film) หรือฟิล์มที่ระบุว่า "Non-Metallic" หรือ "ไม่รบกวนสัญญาณ" (Signal Friendly) เนื่องจากฟิล์มประเภทนี้ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ ทำให้ไม่รบกวนการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์และสัญญาณต่างๆ ในรถ EV
2. ประสิทธิภาพการลดความร้อนสูงเป็นพิเศษ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น หลังคากระจกพาโนรามาในรถ EV หลายรุ่นเป็นจุดที่ความร้อนเข้ามาได้มากที่สุด การเลือก ติดฟิล์มรถ ที่มีค่า TSER (Total Solar Energy Rejected) หรือค่าการลดความร้อนรวมสูงๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเน้นฟิล์มที่มีประสิทธิภาพการลดความร้อนอินฟราเรด (IRR) สูง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่
คำแนะนำ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกฟิล์มที่มีค่า TSER สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพิจารณาความเข้มที่เหมาะสมกับกระจกแต่ละส่วนของรถ
3. ความละเอียดอ่อนของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ภายใน
รถ EV มีระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่แรงดันสูง การทำงานโดยผู้ที่ไม่มีความรู้หรือความชำนาญอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบได้ง่าย ตั้งแต่ระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารไปจนถึงระบบแบตเตอรี่ การ ติดฟิล์มรถ จำเป็นต้องมีการใช้น้ำและเครื่องมือเฉพาะ ซึ่งหากไม่ระมัดระวัง อาจทำให้น้ำเข้าสู่แผงวงจรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ละเอียดอ่อนได้
คำแนะนำ: เลือก ศูนย์ติดฟิล์มรถยนต์ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการติดตั้งฟิล์มกับรถ EV โดยเฉพาะ มีเครื่องมือที่ทันสมัย และช่างที่มีความรู้ความเข้าใจในระบบรถ EV เป็นอย่างดี
4. การดูแลรักษาที่ถูกวิธี
หลังการ ติดฟิล์มรถ EV การดูแลรักษาก็สำคัญเช่นกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานของฟิล์ม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของ ศูนย์ติดฟิล์มรถยนต์ อย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง และล้างรถด้วยวิธีที่ถูกต้อง
คำแนะนำ: สอบถาม ศูนย์ติดฟิล์มรถยนต์ ถึงวิธีการดูแลฟิล์มที่เหมาะสมกับประเภทฟิล์มที่คุณเลือกใช้
การ ติดฟิล์มรถ EV เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อเพิ่มความสบาย ประหยัดพลังงาน และปกป้องรถยนต์ของคุณในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การพิจารณาประเภทฟิล์มที่ไม่รบกวนสัญญาณ ประสิทธิภาพการกันความร้อน และการเลือก ศูนย์ติดฟิล์มรถยนต์ ที่มีประสบการณ์กับรถ EV โดยเฉพาะ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่ารถ EV สุดล้ำของคุณจะได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
WRAP A CAR...มากกว่าแค่การปกป้อง คือความมั่นใจในทุกการเดินทาง
Contact us
- Mobile : 088-588-7777 K.Por , 081-696-0707 K.Bay
- Line: @wrapacar
- Facebook: Wrap A Car