
ฟิล์มเปลี่ยนสีรถ PET และ Hybrid PET ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนถึงคุ้มค่า

ฟิล์มเปลี่ยนสีรถ หรือ Color Change Film กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคให้รถยนต์ดูแตกต่าง โดดเด่น มีสไตล์ โดยไม่ต้องพ่นสีใหม่ ซึ่งนอกจากเฉดสีและลวดลายที่หลากหลายแล้ว วัสดุของฟิล์มยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม “ฟิล์มเกรด PET กับ Hybrid PET ต่างกันยังไง?” บทความนี้จะพาคุณเข้าใจข้อแตกต่าง พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
หนึ่งในคำถามที่ WRAP A CAR พบบ่อยที่สุดคือ:
มาทำความรู้จักวัสดุ: PET vs Hybrid PET กันก่อนครับ
1. ฟิล์ม PET (Polyethylene Terephthalate)

เป็นฟิล์มพลาสติกชนิดแข็งที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เหมาะกับงานตกแต่งทั่วไป จุดเด่นของ PET คือราคาถูก สีสวยชัด แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องความยืดหยุ่น และอายุการใช้งาน
จุดเด่นของฟิล์ม PET
- ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- มีเฉดสีและลวดลายให้เลือกหลากหลาย
- เหมาะกับผู้ที่อยากเปลี่ยนสไตล์รถในระยะสั้น
ข้อจำกัด
- ความยืดหยุ่นน้อย
- เสี่ยงต่อการซีดจางหรือหลุดลอกเมื่อใช้งานนาน
- ทนรอยขีดข่วนและแสง UV ได้ระดับปานกลาง
2. ฟิล์ม Hybrid PET (PET+TPU Coating)

คือฟิล์มที่นำ PET มาผสมกับชั้นเคลือบ TPU (Thermoplastic Polyurethane) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ความคงทน และการคืนตัวของฟิล์ม ทำให้สามารถหุ้มได้แนบสนิทกับรถทุกส่วนแม้บริเวณที่โค้งหรือเว้าลึก
ข้อดีของฟิล์ม Hybrid PET
- ยืดหยุ่นสูง หุ้มแนบสนิทแม้บนพื้นผิวโค้งหรือซับซ้อน
- ทนแดด ทนฝน ทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่า
- มีคุณสมบัติ Self-Healing (คืนตัวเมื่อเกิดรอยเล็ก)
- ให้ผิวสัมผัสเรียบเนียน และคงความเงาหรือด้านได้ยาวนาน
ข้อจำกัด
- ราคาสูงกว่าฟิล์ม PET ทั่วไป
- ต้องติดตั้งโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
เลือกฟิล์มแบบไหนดี? ดูจากอะไร?
1. งบประมาณ
หากคุณต้องการเปลี่ยนลุคแบบชั่วคราว ฟิล์ม PET อาจตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณมองระยะยาว ต้องการความสวยงามและคงทน Hybrid PET จะคุ้มกว่ามากในภาพรวม
2. ลักษณะการใช้งาน
หากคุณขับรถเป็นประจำ จอดกลางแดด หรือต้องการปกป้องสีรถเดิมจริงจัง ควรเลือก Hybrid PET เพราะทนต่อรังสียูวีและมลภาวะได้ดีกว่า
3. ประเภทของรถ
รถที่มีพื้นผิวโค้งเยอะ เช่น สปอร์ตคาร์, รถยุโรป, SUV ควรใช้ฟิล์มที่ยืดหยุ่น เช่น Hybrid PET เพราะติดง่าย ไม่มีรอยยับ และงานออกมาพรีเมียมกว่า
อายุการใช้งาน และการรับประกัน
- PET: อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย 2–3 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแล ซึ่งที่ WRAP A CAR รับประกันคุณภาพฟิล์มนานถึง 3 ปีเต็ม เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนลุคจะคุ้มค่าแม้ในระยะยาว
- Hybrid PET: ด้วยโครงสร้างวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและทนทานกว่า จึงมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 3–5 ปี หรือมากกว่านั้นหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และที่ WRAP A CAR เรารับประกันคุณภาพสูงสุดถึง 5 ปีเต็ม
WRAP A CAR ทำตารางสรุปความแตกต่างแบบชัดเจน ให้ทุกท่านเห็นภาพครับ
รายการเปรียบเทียบ | ฟิล์ม PET | ฟิล์ม Hybrid PET |
---|---|---|
ราคา | ถูกกว่า | สูงกว่า |
ความยืดหยุ่น | ต่ำ | สูง |
การคืนตัวจากรอย | ไม่มี | มี (Self-healing) |
ความทนทานต่อ UV | ปานกลาง | ดีเยี่ยม |
ความคมชัดของสี | ชัดเจน | ชัดเจน + เงางาม |
ความคุ้มค่าระยะยาว | ปานกลาง | สูง |
การเลือกฟิล์มให้เหมาะกับคุณ ไม่ใช่แค่ดูที่ “สี”
การเลือกฟิล์มเปลี่ยนสีรถไม่ควรพิจารณาแค่โทนสีหรือราคาที่จูงใจ แต่ควรมองถึง วัสดุของฟิล์ม, เทคนิคการติดตั้ง, และ ความเหมาะสมกับรถและไลฟ์สไตล์ของคุณ
- ถ้าคุณเปลี่ยนลุคบ่อย อยากทดลองเฉดสีใหม่ๆ — PET อาจเพียงพอ
- ถ้าคุณต้องการฟิล์มที่หรูหรา ทนทาน ดูดี และดูแลง่าย — Hybrid PET
คือคำตอบที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาศูนย์บริการติดตั้งฟิล์มคุณภาพสูง อย่ารอช้า! ติดต่อ WRAP A CAR วันนี้ เพื่อให้รถของคุณปลอดภัยและดูดีในทุกการเดินทางพร้อมให้คำแนะนำและบริการติดตั้งอย่างมืออาชีพครับ
WRAP A CAR...มากกว่าแค่การปกป้อง คือความมั่นใจในทุกการเดินทาง
Contact us
- Mobile : 088-588-7777 K.Por , 081-696-0707 K.Bay
- Line: @wrapacar
- Facebook: Wrap A Car