7 ข้อต้องรู้! วิธีเลือกฟิล์มรถยนต์อย่างไรให้คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งาน

การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดและแสงแดดแรงกล้าตลอดทั้งปี นอกจากจะช่วยลดความร้อนและป้องกันรังสี UV แล้ว ฟิล์มรถยนต์ยังมีประโยชน์อีกมากมาย แต่การจะเลือกฟิล์มที่เหมาะสมกับรถและพฤติกรรมการใช้งานของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้จะมาแนะนำ วิธีเลือกฟิล์มรถยนต์ ที่ถูกต้อง พร้อมข้อควรรู้สำคัญ 7 ข้อ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับฟิล์มที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

1. รู้จักประเภทของฟิล์มกรองแสง

7 ข้อต้องรู้! วิธีเลือกฟิล์มรถยนต์อย่างไรให้คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งาน 2

ฟิล์มรถยนต์ในปัจจุบันมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกัน ควรทำความเข้าใจประเภทของฟิล์มก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ฟิล์มปรอท (Metalized Film) : เป็นฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลหะ ทำให้มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนได้ดี แต่มีข้อเสียคืออาจรบกวนสัญญาณดิจิทัลต่างๆ เช่น GPS หรือสัญญาณวิทยุ
ฟิล์มเซรามิก (Ceramic Film): ฟิล์มชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะมีคุณสมบัติในการกันความร้อนและรังสี UV ได้ดีเยี่ยมโดยไม่มีส่วนผสมของโลหะ ทำให้ไม่รบกวนสัญญาณสื่อสารต่างๆ
ฟิล์มดำ (Dyed Film): เป็นฟิล์มที่ย้อมด้วยสี มีราคาไม่แพง แต่ประสิทธิภาพในการกันความร้อนและรังสี UV ค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มเพื่อความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก
ฟิล์มนาโนคาร์บอน (Carbon Film) : เป็นฟิล์มที่มีคุณสมบัติในการกันความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มดำ และไม่ซีดจางง่าย

2. ค่ากันความร้อน (IRR) และค่าป้องกันรังสียูวี (UV Protection)

สองค่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา ฟิล์มรถยนต์ที่ดีควรมีค่า IR Rejection (การลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด) ที่สูงกว่า 90% และควรมี ค่า UV Protection 99% ขึ้นไป เพื่อป้องกันผิวหนังจากอันตรายของรังสียูวี และช่วยรักษาสภาพภายในรถไม่ให้ซีดจาง

3. ค่าแสงส่องผ่าน (VLT)

ค่า VLT (Visible Light Transmittance) คือปริมาณแสงสว่างที่สามารถส่องผ่านฟิล์มเข้ามาในรถได้ ยิ่งค่า VLT ต่ำ ฟิล์มก็จะยิ่งมืดมาก การเลือกค่านี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยปกติแล้วกระจกบานหน้ามักจะเลือกฟิล์มที่มีค่า VLT 40-60% เพื่อทัศนวิสัยที่ดี ส่วนกระจกข้างและกระจกหลังสามารถเลือกฟิล์มที่มืดขึ้นได้ เช่น VLT 20-30%

4. งบประมาณที่ตั้งไว้

ฟิล์มแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกันไป ฟิล์มเซรามิกหรือฟิล์มคุณภาพสูงมักมีราคาสูงกว่าฟิล์มทั่วไป ควรตั้งงบประมาณไว้ตั้งแต่แรก แต่ไม่ควรเลือกฟิล์มที่มีราคาถูกจนเกินไป เพราะอาจต้องแลกมากับประสิทธิภาพในการใช้งานที่ไม่คุ้มค่า

5. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์และร้านติดตั้ง

การเลือกฟิล์มจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้จะทำให้คุณมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า นอกจากนี้ ร้านติดตั้งฟิล์มรถยนต์ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกร้านที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ และใช้ช่างฝีมือดี เพื่อให้ฟิล์มถูกติดตั้งอย่างเรียบร้อยและปราศจากตำหนิ

6. การรับประกันสินค้า

ฟิล์มรถยนต์ ที่มีคุณภาพดีควรมาพร้อมกับการรับประกันที่ยาวนาน ควรสอบถามรายละเอียดการรับประกันให้ชัดเจนว่าครอบคลุมอะไรบ้าง เช่น การหลุดร่อน การซีดจาง หรือการเกิดฟองอากาศ

7. ติดฟิล์มรถยนต์ที่ไหนดี?

หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งฟิล์มรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เราขอแนะนำ WRAP A CAR ซึ่งเป็นศูนย์บริการติดตั้งฟิล์มรถยนต์ครบวงจรที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการ ด้วยประสบการณ์ยาวนานและทีมช่างผู้ชำนาญการ WRAP A CAR ให้บริการติดตั้งฟิล์มคุณภาพสูงหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ พร้อมให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้คุณได้ฟิล์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถของคุณ

การเลือก ฟิล์มรถยนต์ ที่ดีต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ราคาหรือความเข้มของฟิล์มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเภทของฟิล์ม คุณสมบัติการกันความร้อน ไปจนถึงความน่าเชื่อถือของร้านติดตั้ง การทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้ฟิล์มที่คุ้มค่า คุ้มราคา และใช้งานได้อย่างสบายใจในทุกการเดินทาง หากคุณต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและบริการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน ปรึกษาเราได้เลยที่ WRAP A CAR

ร้าน WRAP A CAR มีจุดเด่นด้าน วัสดุฟิล์มคุณภาพสูง การติดตั้งที่ประณีต และบริการที่น่าเชื่อถือจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้หน้าจอของคุณปลอดภัยจากรอยขีดข่วน รอยนิ้วมือ และการเสื่อมสภาพจากการใช้งานประจำวัน โดยไม่กระทบต่อความไวของการสัมผัสหรือความคมชัดของหน้าจอ การติดตั้งฟิล์มกันรอยหน้าจอนั้นอาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อติดตั้งกับทีมงานมืออาชีพอย่าง WRAP A CAR จะเห็นถึงความแตกต่างทั้งด้านคุณภาพงาน ความเรียบร้อย และช่วยยืดอายุการใช้งานของหน้าจอได้นานยิ่งขึ้น