
วิธีการดูแลรถที่ติดฟิล์มใสกันรอย (PPF) ให้เงางามเหมือนใหม่ไปนานๆ

การลงทุน ติดฟิล์มใสกันรอย (Paint Protection Film - PPF) ให้กับรถยนต์ของคุณคือการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เพราะช่วยปกป้องสีรถแท้จากรอยขีดข่วน สะเก็ดหิน คราบยางมะตอย และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถของคุณดูใหม่และเงางามอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ฟิล์ม PPF ก็ต้องการการดูแลรักษาที่ถูกวิธีเช่นกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานและคงความสามารถในการปกป้องให้ยาวนานที่สุด บทความนี้จะบอก วิธีการดูแลรถ ที่ติดฟิล์มใสกันรอย อย่างละเอียด เพื่อให้รถคันโปรดของคุณยังคงความสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี
ทำไมต้องดูแลฟิล์มใสกันรอยเป็นพิเศษ?
แม้ฟิล์มใสกันรอยจะขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและคุณสมบัติ Self-Healing (รักษาตัวเองได้เมื่อเกิดรอยขีดข่วน) แต่การละเลยการดูแลรักษาที่ถูกต้องก็อาจทำให้ฟิล์มเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เกิดคราบฝังแน่น หรือสูญเสียความเงางามได้ การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้ฟิล์ม PPF ทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ และปกป้องรถของคุณได้อย่างแท้จริง
5 วิธีดูแลรถที่ติดฟิล์มใสกันรอย (PPF) อย่างถูกวิธี

1. ล้างรถอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ
วิธีการดูแลรถ ที่ติดฟิล์มใสกันรอย พื้นฐานที่สำคัญที่สุด
- ล้างด้วยมือ: แนะนำให้ล้างรถด้วยมือเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องล้างอัตโนมัติ เพราะแปรงแข็งๆ หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์รุนแรงอาจทำให้ฟิล์มเสียหายได้
- น้ำยาล้างรถ: เลือกใช้น้ำยาล้างรถที่มีค่า pH เป็นกลาง (pH Neutral) หรือน้ำยาที่ออกแบบมาสำหรับรถเคลือบแก้ว/ติดฟิล์มโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีส่วนผสมของแว็กซ์ สารขัดเงา หรือสารเคมีรุนแรงที่อาจทิ้งคราบหรือทำลายพื้นผิวฟิล์ม
- อุปกรณ์: ใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่มที่สะอาดในการล้าง และใช้ถังน้ำ 2 ใบ (ใบหนึ่งสำหรับน้ำผสมน้ำยา อีกใบสำหรับล้างฟองน้ำ) เพื่อป้องกันการนำเศษสิ่งสกปรกกลับไปขูดฟิล์ม
- การล้าง: ฉีดน้ำล้างคราบสกปรกออกก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำยาในทิศทางเดียวกันอย่างเบามือ เริ่มจากด้านบนลงล่าง
- การเช็ดแห้ง: สำคัญมาก! หลังล้างเสร็จ ให้รีบเช็ดรถให้แห้งทันทีด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่ม ซับน้ำออกให้หมดจด เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำฝังแน่น โดยเฉพาะในบริเวณขอบฟิล์มหรือซอกมุมต่างๆ
2. รีบจัดการคราบฝังแน่นทันที
คราบสกปรกบางประเภท เช่น มูลนก ยางไม้ หรือคราบแมลง มีความเป็นกรดสูง หากปล่อยทิ้งไว้นานจะกัดกร่อนและฝังแน่นบนผิวฟิล์มได้ แม้ฟิล์ม PPF จะทนทาน แต่การรีบทำความสะอาดออกทันทีด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะจุดสำหรับรถยนต์ (Car Bug & Tar Remover) ที่ปลอดภัยต่อฟิล์ม จะช่วยป้องกันความเสียหายในระยะยาว
3. หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรงและอุปกรณ์ขัดถู
แม้ฟิล์ม PPF จะทนทาน แต่ก็มีข้อจำกัด
- งดน้ำมันเบนซิน/ทินเนอร์: ห้ามใช้น้ำมันเบนซิน ทินเนอร์ หรือสารเคมีรุนแรงใดๆ ในการทำความสะอาดฟิล์มเด็ดขาด เพราะจะทำให้ฟิล์มเสียหาย ลอก หรือเปลี่ยนสีได้
- งดน้ำยาขัดเงา/เครื่องขัด: ไม่ควรใช้น้ำยาขัดเงาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน หรือเครื่องขัดไฟฟ้าบนฟิล์ม PPF โดยตรง หากต้องการเพิ่มความเงางาม ควรเลือกผลิตภัณฑ์เคลือบฟิล์มที่ออกแบบมาเฉพาะ
4. เคลือบปกป้องเพิ่มเติม (Optional)
เพื่อเพิ่มความเงางามและคุณสมบัติการไล่น้ำ การเคลือบสารเคลือบเฉพาะสำหรับฟิล์ม PPF ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
- Sealant หรือ Ceramic Coating สำหรับ PPF: ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะสร้างชั้นฟิล์มบางๆ บนผิว PPF ช่วยให้ผิวฟิล์มเรียบลื่นขึ้น ลดการเกาะตัวของน้ำและสิ่งสกปรก ทำให้ล้างทำความสะอาดง่าย และช่วยเพิ่มความเงางามให้กับรถได้อีกด้วย ควรปรึกษาศูนย์บริการที่คุณ ติดฟิล์มใสกันรอย เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
5. สังเกตและนำเข้าศูนย์เมื่อมีปัญหา
- ตรวจสอบสภาพฟิล์มสม่ำเสมอ: หมั่นตรวจเช็กสภาพฟิล์ม PPF ของคุณเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณขอบฟิล์ม หากพบว่ามีส่วนใดที่เผยอขึ้นมา ฟิล์มเป็นฟองอากาศ หรือมีรอยฉีกขาดเล็กๆ น้อยๆ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากพบปัญหาดังกล่าว หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลรักษาฟิล์ม PPF ที่คุณไม่แน่ใจ ควรนำรถกลับไปที่ ศูนย์ติดฟิล์มใสกันรอย ที่คุณติดตั้ง เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบและแก้ไขอย่างถูกวิธี อย่าพยายามแก้ไขด้วยตัวเอง หากไม่มีความรู้และอุปกรณ์ที่เหมาะสม เพราะอาจทำให้ฟิล์มเสียหายมากขึ้นและหลุดจากการรับประกันได้
การดูแลรถ ที่ติดฟิล์มใสกันรอย อาจต้องใช้ความเอาใจใส่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือการปกป้องที่ยาวนาน สีรถที่คงความสดใหม่ และความเงางามที่จะทำให้รถของคุณโดดเด่นอยู่เสมอ การทำความเข้าใจใน วิธีการดูแลรถที่ติดฟิล์มใสกันรอย และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การลงทุนในฟิล์ม PPF ของคุณคุ้มค่าที่สุดอย่างแน่นอน.
WRAP A CAR...มากกว่าแค่การปกป้อง คือความมั่นใจในทุกการเดินทาง
Contact us
- Mobile : 088-588-7777 K.Por , 081-696-0707 K.Bay
- Line: @wrapacar
- Facebook: Wrap A Car